วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ทำไงดีลูกขี้อาย


ทำไงดีลูกขี้อาย



มีคุณพ่อคุณแม่หลายท่าน กังวลเรื่องลูกขี้อาย เรื่องการขี้อายของเด็กนั้นเป็นการวัดเทียบจากความรู้สึกของผู้ปกครองเอง
ดังนั้นบางครั้งก็ตัดสินยากว่าเป็นปัญหาหรือไม่
แต่โดยทั่วไป มักเป็นปัญหาเมื่อ คุณพ่อคุณแม่มีความกังวลใจเมื่อลูกต้องไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องสร้างเพื่อนใหม่  โรงเรียนใหม่
ซึ่งการขี้อายนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ บางคนเป็นนิสัยพื้นฐานของเด็กเอง
ในขณะที่บางคนเกิดจากการเลี้ยงดูที่ผู้ปกครองมีบทบาทมากเกินไป
ดังนั้น เมื่อเริ่มพบว่าเด็กมีปัญหา ควรรีบหาทางแก้ไขร่วมกัน เพราะอาจติดนิสัยไปจนโตได้
คุณพ่อคุณแม่ก็ควรให้กำลังใจ ยอมรับในนิสัยขี้อายของลูก ไม่ดุด่าว่ากล่าว
แต่ควรหาสิ่งที่ลูกทำได้ดี ส่งเสริมให้เค้ามีความมั่นใจนะคะ

รถฉุกเฉิน (ภาคต่อ)


รถฉุกเฉิน (ภาคต่อ)

 

สมัยเรียนจบใหม่ๆ หมอใช้ทุนที่รพ.นครพิงค์ เชียงใหม่

คืนนั้นอยู่เวรห้องฉุกเฉิน

รอรับเคส ที่ขอส่งตัวมาจาก รพ.อำเภอ บนดอยทางเหนือของเชียงใหม่

เป็นเด็กอายุ 4 ขวบ กลืนเหรียญ 5 บาทเข้าไป  หายใจปกติ ไม่มีอาการใด

เอ๊กซ์เรย์ที่ส่งมา เห็นเหรียญติดอยู่ตรงหลอดอาหารพอดี

 

หลังจากรับโทรศัพท์ประมาณ 3 ชั่วโมง

รถฉุกเฉินจากรพ.ดังกล่าวก็มาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน

หมอ : คุณแม่ให้น้องขึ้นเตียงรอเลยค่ะ

คุณแม่ : บ่ต้องแล้ว   เฮาจะปิ๊กบ้านแล้ว

หมอ : อ้าว ทำไมล่ะคะ

คุณแม่ : ลูกเฮาเมารถ  อ้วกออกมาหมดแล้ว 

พร้อมกับยื่นถุงอาเจียนที่มีเหรียญ 5 บาทอยู่ข้างในด้วย

สรุป เคสนี้ ก็ได้รับการรักษาโดยรถรีเฟอร์เป็นการเรียบร้อย 5555 +

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ว่าด้วยเรื่อง....รถฉุกเฉิน


ว่าด้วยเรื่อง....รถฉุกเฉิน

 

เมื่อวานหมอแทบไม่ได้ทำงานเลยค่ะ

เพราะต้องนั่งไปกับรถรีเฟอร์  ส่งผู้ป่วยเด็กน้อยไปรักษาต่อรพ. ...ที่กรุงเทพค่ะ

เด็กน้อย สบายดีถึงที่หมายปลอดภัย แต่หมอเวียนหัว อาเจียนไป 3 รอบ

มีใครเคยต้องโดยสาร รถรีเฟอร์บ้างคะ(รถฉุกเฉิน ที่เปิดเสียงหวอนั่นแหละค่ะ)

ถ้าใครเคยนั่ง ก็คงจะรู้ถึงความท้าทายอันนี้ค่ะ

ในเจ้ารถฉุกเฉินนี่ จะมีกลิ่นเฉพาะตัว ไม่รู้ว่ากลิ่นอะไร กลิ่นยา กลิ่นอับ กลิ่น...

แต่รวมๆกันแล้วชวนให้เวียนหัวมาก  แค่เดินผ่านก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจุกขึ้นมาที่คอแล้วค่ะ

แล้วคนขับรถรีเฟอร์นี่ก็ฝีมือไม่ธรรมดานะคะ

น่าจะเคยได้รับรางวัลแข่งรถระดับโลกมาก่อน

ผ่าทุกไฟแดง แซงมันทุกคัน  จากศรีราชาถึงกทม. ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้น

แอร์ก็ร้อน (ห้ามเปิดเย็น เพราะผู้ป่วยเด็กหนาวง่าย)

กลิ่นก็เหม็น  เสียงหวอก็ดัง ( เวลาอยู่ในรถมันดังกว่าที่คุณได้ยินข้างนอกมากค่ะ)

รถก็ขับฉวัดเฉวียน  แล้วเราไม่ได้นั่งเฉยๆนะคะ ต้องดูอาการผู้ป่วยไปด้วย

เด็กบางคนก็เมารถ อ้วกในรถ  คราวนี้รวมกันทุกกลิ่นเลยค่ะ

โอ... คิดแล้วก็ขออ้วกด้วยแป๊บ...

ว่าแต่คราวหน้า ถ้าเห็นรถฉุกเฉิน  หลบให้ด้วยนะคะ

คนไข้จะได้ถึงรพ.เร็วๆ    แล้วก็สงสารหมอกับพยาบาลในรถเถอะคะ

12 เรื่องที่ควรทำก่อนลูกอายุ 3 ขวบ


12     เรื่องที่ควรทำก่อนลูกอายุ 3 ขวบ

 

1.     อุ้มลูก กอดลูกให้มากๆ เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับลูก

2.     เล่านิทานให้ลูกฟัง เด็กเรียนรู้ผ่านนิทาน อยากสอนอะไรก็ลองแต่งนิทานเรื่องนั้นเองเลย

3.     ฝึกนิสัยการแบ่งปัน

4.     ชมเชยทันที เมื่อลูกทำความดี เพราะจิตของเด็กต้องการรางวัลทันที

5.     บอกลูกว่าเรารักลูก

6.     ขอโทษลูก  เมื่อเราทำผิด

7.     ปลูกฝังเรื่องความมีวินัย

8.     ขอบคุณลูก เมื่อลูกทำอะไรให้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น ลูกหยิบของให้

9.     เลิกขวดนม เพราะจะทำให้ฟันผุ และฟันเหยิน

10.  เล่นกับลูกให้มากๆ

11.  ฝึกนิสัยการกินผัก

12. เตรียมเงินไว้ให้ลูก สำหรับการศึกษาและยามฉุกเฉิน

จากใจหมอเด็ก bloggerมือใหม่


บางคนอาจจะคิดว่าการเป็นหมอเด็กนั้นยาก รับผิดชอบมาก เครียด แต่จริงๆแล้วการตรวจคนไข้เด็กก็มีมุมที่น่ารัก สนุกสนาน สุข เศร้า เหงา ทุกข์ แต่รวมๆแล้วสุขมากกว่า  เพราะงานของหมอเด็กมีหลายมิติ ทั้งส่งเสริมพัฒนาการ ฉีดวัดซีนป้องกันโรค ไปจนถึงรักษาโรค  หมอสาขาอื่น คนไข้มีแค่ครั้งละ 1 คน  แต่หมอเด็ก คนไข้ 1 ราย หมายถึง เจ้าตัวเล็ก คุณพ่อ คุณแม่ ( บางครอบครัวอาจมี คุณปู่ คุณย่า  คุณตา คุณยาย รวมถึงพี่เลี้ยงชาวพม่าด้วย )

       เพจนี้จะขอถ่ายทอดเรื่องราวสนุกๆ น่ารัก ของคุณพ่อ คุณแม่ ที่พาลูกน้อยจอมซนมาหาหมอ เพราะเด็กเป็นวัยที่มีจินตนาการบรรเจิดจนบางครั้งเราท่านก็คาดไม่ถึง ( แต่สมัยนี้พ่อแม่บางคนก็มีจินตนาการที่คาดไม่ถึงด้วยนะ)  นอกจากนี้ยังตั้งใจจะแทรกเกร็ด ในการรับมือกับลูก เช่นเวลาลูกไม่สบาย  ร้องไห้ไม่หยุด ไม่ยอมกินข้าว  ไปจนถึงวิธีเตรียมตัวพาลูกไปเที่ยว

       ดิฉันเป็นหมอเด็กคนนึงที่ทำงานอย่างมีความสุข  ปัจจุบันคนเรียก คุณป้าหมอ (แอบเคือง) ก็จะทำงานต่อไปจนคนเรียกคุณยายหมอนั่นแหละ  อยากให้กำลังใจคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านนะคะ  พ่อแม่ก็เป็นมนุษย์ธรรมดา มีอารมณ์ มีความรู้สึก การเพิ่มลูกน้อยเข้ามาในครอบครัวก็ต้องอาศัยการปรับตัวบนพื้นฐานของความรัก  ในขณะเดียวกัน ก็ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนหมอด้วย  คนไข้บางครอบครัวก็มหากาพย์มาก  บางคนดราม่าสุดๆ  บางคนก็รู้เรื่องการดูแลเด็กน้อยจนต้องสอนทุกอย่าง  แต่ถ้าหมอเราเข้าใจ เห็นใจ จริงใจ แล้วเราจะได้ความรู้สึกดีๆ และประสบการณ์ที่น่าประทับใจกลับมา   ทั้งจากเจ้าตัวเล็ก  และคุณพ่อคุณแม่เลยล่ะค่ะ